รอสักครู่...

  • น.
พื้นที่โฆษณา

ข่าวราชการ, รัฐวิสาหกิจ

ข่าวราชการ, รัฐวิสาหกิจ - DITP เร่งเสริมทักษะผู้ประกอบการไทยตีตลาดอินเตอร์ พร้อมดึงคนรุ่นใหม่ Gen Z สร้างธุรกิจ


ชอบข่าวนี้?
พื้นที่โฆษณา

DITPเร่งเสริมทักษะผู้ประกอบการไทยตีตลาดอินเตอร์

พร้อมดึงคนรุ่นใหม่Gen Zสร้างธุรกิจรองรับยุคดิจิทัลเติบโต

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่(NEA)เผยหลักสูตรใหม่ปี2564เร่งเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการไทยรับมือการค้ายุคใหม่แบบNew Normalและตั้งเป้าสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ผ่านโครงการ“From Gen Zto be CEO”

นางอารดา เฟื่องทอง ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ หรือNew Economy Academy(NEA)หน่วยงานในสังกัดของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าในปี2563ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการไทยต่างได้รับผลกระทบทางธุรกิจจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด19การทำธุรกิจในโลกยุคใหม่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และการทำธุรกรรมผ่านออนไลน์ได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการที่ยังคงประกอบธุรกิจแบบเดิม อาจปรับตัวไม่ทันกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปNEAจึงเข้ามาช่วยพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการให้หันมาใช้เทคโนโลยีเพื่อสามารถนำไปประยุกต์ให้เข้ากับธุรกิจ และเข้าถึงตลาดต่างประเทศให้ได้มากยิ่งขึ้น

“ในปี 2563 สถาบันNEAได้พัฒนาและเสริมความแกร่งให้กับผู้ประกอบการมากกว่า 20,000 ราย ในหลากหลายหมวดหมู่ โดยคัดกรองว่าแต่ละคนประกอบธุรกิจอะไร มีจุดเด่น จุดด้อยอย่างไร จากนั้นก็จะอบรมเทคนิคการปรับตัวให้อยู่รอดท่ามกลางสถานการณ์โควิด สำหรับปีนี้เรายกโมเดลของNEAที่สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วในช่วงเกิดวิกฤติโควิดเมื่อต้นปี 2563 เป็นกรณีศึกษาโดยตั้งเป้าให้มีผู้ประกอบการเข้าร่วมถึง 23,000 ราย ผ่านกลุ่มเป้าหมายหลักคือ ผู้ประกอบการภาคการเกษตร และผู้ประกอบการที่เกิดใหม่ในภูมิภาคทั่วประเทศ ส่วนกลุ่มเป้าหมายรอง คือกลุ่มStart Upหรือกลุ่มผู้ประกอบการค้ารุ่นใหม่ (Gen Z) โดยดำเนินการภายใต้โครงการFrom Gen Zto be CEO“กระจายความรู้สู่ผู้ประกอบการยุคใหม่”ซึ่งทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งสถาบันการศึกษา และองค์กรพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการรวมทั้งหมด 59 แห่งทั่วประเทศไทย เพื่อไปส่งเสริมให้ทั้ง 2 กลุ่มเกิดความเข้มแข็ง ทั้งช่องทางการทำตลาด การสร้างแบรนด์ให้มีความโดดเด่น สามารถขยายไปยังตลาดต่างประเทศได้ง่ายขึ้น รวมถึงส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี การใช้ดิจิทัล เพื่อพัฒนาให้พวกเขาเติบโตก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง”

สำหรับในปี2564สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้ดำเนินการตามนโยบายของท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่มุ่งเน้นพัฒนาผู้ประกอบการไทยทั้งส่วนกลางและภูมิภาค และให้ความสำคัญกับเกษตรกรตามนโยบาย“เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด”ที่จะช่วยให้เกษตรกรไทยสามารถทำการค้าระหว่างประเทศให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงผลักดันให้สินค้าเกษตรได้เข้าสู่ตลาดทั้งในระบบออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่NEAต้องการผลักดันเข้าสู่ตลาดโลก ส่วนกลุ่มเป้าหมายรอง คือกลุ่มStart Upหรือกลุ่มผู้ประกอบการค้ารุ่นใหม่ (Gen Z)เป็นกลุ่มที่สามารถใช้สื่อดิจิทัลหรือนวัตกรรมยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งNEAต้องการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพกลุ่มนี้ให้สามารถเป็นผู้ประกอบการหรือผู้ส่งออกหน้าใหม่ได้อย่างเข้มแข็งในอนาคต

ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ในรอบนี้ สถาบันNEAมีการอบรมแบบออฟไลน์ในห้องเรียน ที่ศูนย์ฝึกอบรมของสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ซึ่งตั้งอยู่บนถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ และได้มีการเตรียมจัดอบรมไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศตลอดทั้งปี แต่เนื่องจากโควิด19จึงต้องปรับการอบรมโดยจะแบ่งออกเป็น2แบบคือ 1.อบรมแบบ (offline) คอร์สจำกัดคนหรือเรียนแบบ เวิร์ค ช็อป เป็นคอร์สที่ผู้อบรมต้องมาพบวิทยากรเพื่อขอคำปรึกษา จึงต้องมีการเว้นระยะห่างและจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วม 2.อบรมแบบ (online) ผ่านระบบWebinar,Zoom,Live streamingและอบรมแบบE-Learningคือ ผู้อบรมสามารถเข้ามาเรียนออนไลน์ได้ทุกช่วงเวลาที่สะดวกจึงอยากให้ผู้ประกอบการที่สนใจเข้าไปติดตามการอัพเดทข่าวสารผ่านเว็บไซต์NEAอย่างสม่ำเสมอ เพราะในปีนี้ได้วางแผนจัดกิจกรรมกว่า100กิจกรรม และมีการปรับหลักสูตรเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาโดยในปีนี้ได้แบ่งหลักสูตรหลักเป็น4หลักสูตร คือ1.กลุ่มหลักสูตรความรู้พื้นฐานด้านการค้าระหว่างประเทศ2.หลักสูตรการสร้างช่องทางตลาดทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์3.หลักสูตรการสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ส่งออกและเครือข่าย และ4.หลักสูตรสร้างมูลค่าเพิ่มและธุรกิจกระแสใหม่

สำหรับผู้ประกอบการไทยที่สนใจเข้าร่วมอบรมสามารถเข้าไปสมัครและดูรายละเอียดหลักสูตรต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่https://nea.ditp.go.th/ซึ่งหลักสูตรส่วนใหญ่ของทางNEAไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมอบรม และนอกจากจะได้รับความรู้จากผู้เชี่ยวชาญเพื่อนำไปปรับใช้พัฒนาธุรกิจของผู้ประกอบการให้มีศักยภาพเพียงพอในการทำการค้าระหว่างประเทศได้แล้ว ผู้ประกอบการยังจะได้โอกาสขยายช่องทางทางการตลาดหรือต่อยอดธุรกิจสู่ต่างประเทศผ่านกิจกรรมbusiness matchingร่วมพบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการนำเข้า รวมถึงได้เข้าไปอยู่ในplatform onlineกับเครือข่ายที่เป็นพันธมิตรกับสถาบัน ซึ่งNEAยินดีจะเป็นสะพานต่อยอดเชื่อมเครือข่ายไปยังพันธมิตรเพื่อประโยชน์สูงสุดกับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ สามารถทำให้ผู้ประกอบการสร้างยอดขายได้จริงและแข่งขันในเวทีนานาชาติได้อย่างมั่นคง


"ข่าวประชาสัมพันธ์ ทันทุกกระแส" กับ @PRNewsThailand

เพิ่มเพื่อน
พื้นที่โฆษณา

แสดงความคิดเห็น

พื้นที่โฆษณา
คำค้นแนะนำ
Link
พื้นที่โฆษณา