ข่าวบ้าน, คอนโด, อสังหาฯ - แอสเซทไวส์ ปิด 2 ดีลใหญ่ไทย-เทศ ประเดิมต้นปี ร่วมทุน ทาคาระ เลเบ็น บิ๊กอสังหาฯ ญี่ปุ่น พร้อมเข้าซื้อกิจการ แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน เสริมความแข็งแกร่ง ผงาดรับปีเสือ
“แอสเซทไวส์”ปิด2ดีลใหญ่ไทย-เทศ ประเดิมต้นปี
ร่วมทุน“ทาคาระ เลเบ็น” บิ๊กอสังหาฯ ญี่ปุ่น พัฒนาคอนโดใหม่‘แอทโมซ บางนา’
พร้อมเข้าซื้อกิจการ“แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน”คว้าคอนโดทำเลทองเข้าพอร์ต
เสริมความแข็งแกร่งผงาดรับปีเสือ
- เปิดปี2565"แอสเซทไวส์" เดินหน้าจับมือพันธมิตรใหม่ “ทาคาระ เลเบ็น” ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงมายาวนานถึงครึ่งศตวรรษ ลุยพัฒนาคอนโดย่านบางนา โครงการแรก “แอทโมซ บางนา” มูลค่าโครงการกว่า2,200ล้านบาท
- นอกจากนี้ แอสเซทไวส์ ยังเข้าซื้อกิจการ แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน โดยหลังจากเข้าซื้อแล้ว จะเป็นผู้บริหารโครงการ“Maxxi Prime Ratchada-Sutthisan”คอนโดระดับกลาง-บน ในทำเลฮ็อตใจกลางรัชดา-สุทธิสาร โครงการใหม่เอี่ยมเตรียมแล้วเสร็จต้นปี’65
กรุงเทพฯ–วันนี้นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด(มหาชน)หรือASWผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ ด้วยแนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We build Happiness”เปิดเผยว่า บริษัทถือฤกษ์ดีเปิดศักราชใหม่ปีเสือ ทำข้อตกลงครั้งสำคัญพร้อมกันถึง2รายการ โดยได้เข้าร่วมทุนกับบริษัท ทาคาระ เลเบ็น จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมร่วมกัน นอกจากนี้ แอสเซทไวส์ ยังได้เข้าซื้อกิจการบริษัท แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน เจ้าของโครงการแม็กซี่ ไพร์ม รัชดา-สุทธิสารนับเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้แอสเซทไวส์มีความแข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อรับวัฏจักรเศรษฐกิจที่คาดว่าจะกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี2565
“ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสที่ดีที่จะเดินเกมรุกอย่างเต็มที่ โดยใช้กลยุทธ์การเพิ่มพันธมิตรระดับโลกเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง ไปพร้อมกับการลดความเสี่ยงและเวลาในการพัฒนาโครงการเอง โดยการขยายธุรกิจด้วยการเข้าซื้อกิจการในจังหวะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งเป็นเหมือนการขึ้นทางด่วนนำพาบริษัทไปถึงเป้าหมายการเติบโตที่วางไว้ได้เร็วขึ้น”นายกรมเชษฐ์กล่าว
สำหรับการร่วมทุนกับบริษัท ทาคาระ เลเบ็น จำกัด นั้น จะประเดิมโครงการแรกร่วมกันมูลค่ากว่า2,200ล้านบาทเป็นโครงการบนทำเลใหม่NEW CBDคือ โครงการ แอทโมซ บางนา ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ขนาดใหญ่บนทำเลศักยภาพย่านบางนาที่กำลังเติบโต ใกล้รถไฟฟ้าBTSสายสีเขียว และMRTสายสีเหลือง ติดถนนใหญ่เส้นบางนา-ตราดโดยบริษัทจะถือหุ้นในสัดส่วน51%และ ทาคาระ เลเบ็น ถือหุ้นในสัดส่วน49%
บริษัท ทาคาระ เลเบ็น จำกัด เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยวมากว่า500โครงการ ทั้งยังประกอบธุรกิจโรงผลิตไฟฟ้าและธุรกิจโรงแรมในญี่ปุ่น ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2515จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวเมื่อปี พ.ศ.2547และจะดำเนินธุรกิจครบ50ปีในปีนี้
นายคาซูอิชิ ชิมาดะ (Kazuichi Shimada) CEOบริษัท ทาคาระ เลเบ็น จำกัดกล่าวว่า บริษัทมองหาพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งในแต่ละประเทศ เพื่อร่วมกันสร้างโอกาสในการเติบโต โดยแอสเซทไวส์ เป็นบริษัทมหาชนที่มีความมั่นคงและอนาคตไกลในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย พิสูจน์ได้จากทั้งคุณภาพของโครงการ และความสามารถในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีปรัชญาในการดำเนินธุรกิจตรงกัน คือ ยึดมั่นในการออกแบบความสุขเพื่อการอยู่อาศัย บริษัทจึงมั่นใจและตัดสินใจร่วมทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในประเทศไทยเป็นครั้งแรก
ทั้งนี้ ทาคาระ เลเบ็น มองว่า การทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมีศักยภาพในการเติบโตมากที่สุดประเทศหนึ่งในเอเชีย เนื่องจากปัจจุบันมีการพัฒนาโครงการที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ตลอดจนโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ดังนั้นการร่วมทุนกับแอสเซทไวส์ เพื่อพัฒนาโครงการแอทโมซ บางนา ในครั้งนี้ จะถือเป็นการวางรากฐานของบริษัทในระยะยาว สู่การเติบโตที่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทย
นอกเหนือจากการร่วมทุนครั้งสำคัญแล้ว แอสเซทไวส์ยังมีอีกก้าวสำคัญ โดยนายกรมเชษฐ์กล่าวว่า บริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการ บริษัท แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน ซึ่งมีทุนจดทะเบียน30ล้านบาท โดยหลังจากนี้จะได้รับโครงการแม็กซี่ ไพร์ม รัชดา-สุทธิสาร(Maxxi Prime Ratchada-Sutthisan)ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลทองใจกลางรัชดา–สุทธิสาร เข้ามาอยู่ในพอร์ตด้วย โดยโครงการนี้ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดี สอดคล้องกับหลักการพัฒนาโครงการของแอสเซทไวส์ คือ เน้นสร้างความสุขในการอยู่อาศัย ผ่านทั้งตัวโครงการที่ดี การออกแบบห้องพักที่สวยงามลงตัว และการมอบความสุขด้วยส่วนกลาง (Facility)ที่มอบให้อย่างเต็มที่ เมื่อเทียบกับคอนโดมิเนียมในระดับAffordableด้วยกัน
“โครงการนี้มีมูลค่า570ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมสูง8ชั้น1อาคาร มีทั้งหมด218ยูนิต ตั้งอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีสุทธิสาร ประมาณ400เมตรเท่านั้น ทำเลดี อยู่ในพื้นที่ชุมชน แหล่งงาน และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งยังอยู่ใกล้กับส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีลาดพร้าว ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในกลางปี2565เบื้องต้นการพัฒนาโครงการแล้วเสร็จไปกว่า83%มีกำหนดจะเสร็จสิ้นในไตรมาสแรกของปี2565ซึ่งหมายความว่าพร้อมโอนกรรมสิทธิ์เพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ในเวลาอันรวดเร็ว ช่วยลดความเสี่ยงและระยะเวลาในการพัฒนาโครงการ ทั้งยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะได้อัตราผลตอบแทนภายใน(IRR)สูงกว่าการพัฒนาโครงการเองจากที่ดินเปล่า” นายกรมเชษฐ์ กล่าว
นายกรมเชษฐ์กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่บริษัทฯ ปิดทั้ง2ดีลใหญ่ในช่วงต้นปี2565นี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่สำหรับก้าวใหม่ของบริษัทฯ และยังเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่จะทำให้รายได้และการเติบโตในปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายอย่างแข็งแกร่งอีกด้วย
"ข่าวประชาสัมพันธ์ ทันทุกกระแส" กับ @PRNewsThailand


