ข่าวขนส่ง - BEST Express พร้อมลุยตลาด Cross Border ส่งพัสดุข้ามประเทศ

BEST Express (เบสท์ เอ็กซ์เพรส)เผยแผนธุรกิจปี2022เน้นขยายบริการCross Borderส่งพัสดุข้ามประเทศอย่างเต็มรูปแบบ จากไทยไปจีน มาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม และลาว เพื่อสร้างพื้นฐานเครือข่ายให้แข็งแกร่ง พร้อมพัฒนาด้านบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม เล็งขยายสาขาเพิ่มขึ้น2,000สาขาในปี2565
นายเจสัน เชียน ผู้จัดการทั่วไปภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประธานกรรมการ บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า“จากการเริ่มดำเนินธุรกิจขนส่งพัสดุด่วนและซัพพลายเชนในประเทศไทยตลอดระยะเวลาเกือบ3ปีที่ผ่านมา ขณะนี้เราพร้อมแล้วที่จะขยายธุรกิจในวงกว้างโดยอาศัยเครือข่ายทั้งในประเทศจีนและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เดินหน้าลุยตลาดCross Borderส่งพัสดุข้ามประเทศ รวมถึงเพิ่มยอดพัสดุชิ้นใหญ่และB2Bให้มาใช้บริการเพิ่มขึ้น”
ในปี2565BEST Express (เบสท์ เอ็กซ์เพรส)ผู้ให้บริการขนส่งพัสดุด่วนทั่วไทย ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท เบสท์ โลติสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัดมุ่งเน้นสร้างรูปแบบการบริการให้เป็นOne-Stop Serviceหรือการบริการบูรณาการแบบครบวงจร นอกจากBEST Expressยังมีอีกหนึ่งธุรกิจคือBEST Supply Chain(เบสท์ ซัพพลายเชน)ผู้ให้บริการบริหารจัดการคลังสินค้าแบบครบวงจร ที่ให้บริการด้านFulfillment Serviceโดยบริการนี้จะทำให้บริษัทฯ สามารถลดต้นทุนในการบริหารจัดการได้และเตรียมขยาย“บริการการจัดการคลังสินค้าและบริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน หรือCross border”มากขึ้น จากเดิมที่มีบริการส่งพัสดุจากไทย ไปยังจีนและมาเลเซีย ในปีหน้าจะมีการเปิดเส้นทางการส่งพัสดุข้ามพรมแดนเพิ่มไปสู่ประเทศกัมพูชา เวียดนาม และลาวในอนาคตเพื่อเป็นการเปิดประสบการณ์และขยายวงกว้างของการทำธุรกิจให้ผู้ประกอบการส่งออกสินค้าไทยไปต่างประเทศมากขึ้น
ในขณะเดียวกันBEST Expressได้มีบริการส่งพัสดุจากต่างประเทศเข้ามาในไทย มีการร่วมมือกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ในประเทศจีน ทำให้ลูกค้าสามารถสั่งสินค้าผ่านแพลตฟอร์มโดยตรงในคอนเซ็ปต์‘ช้อปไร้พรมแดน’และBEST Expressจะเป็นบริษัทขนส่งพัสดุด่วนเจ้าเดียวที่ดำเนินการให้บริการแบบDoor to Doorโดยยังไม่มีขนส่งเจ้าอื่นในประเทศไทยที่สามารถทำการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มช้อปปิ้งต่างประเทศและจัดส่งมาไทยโดยตรงแบบนี้ได้ นอกจากการเชื่อมบริการช้อปปิ้งและจัดส่งแบบไร้พรมแดนจากแพลตฟอร์มจีนรายใหญ่แล้ว บริษัทฯ ยังมีการทำCo-Brandingผูกกับแพลตฟอร์มเจ้าอื่น ๆ อีกมากมาย
นายเจสัน เชียน กล่าวถึงจุดแข็งของการให้บริการของBEST Cross Borderว่า“การเป็นทั้งผู้รับและผู้ส่งในประเทศต้นทาง ทำให้บริการแบบDoor to Doorมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะไม่ต้องผ่านคนกลางอื่น บริการCross Borderของเรายังมีระบบคำนวนภาษีรวมค่าขนส่งในแต่ละประเทศ และยังมีคลังสินค้าของบริษัทฯ กระจายอยู่ในทุกประเทศ ทำให้การจัดการและพัฒนาบริการทำได้ง่ายกว่า สามารถรองรับการส่งพัสดุขนาดใหญ่ถึง100กิโลกรัม เพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้าแบบB2Bที่ต้องการขนส่งสินค้าจากไทยไปยังประเทศต่าง ๆ โดยให้เหตุผลในการขยายตลาดด้านCross Borderว่า บริษัทฯ ต้องการเป็นศูนย์กลางในการขนส่งสินค้า ช่วยเพิ่มความต้องการสินค้าในตลาด ตอบโจทย์ลูกค้าเรื่องค่าขนส่งที่ถูกลง และเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยส่งสินค้าไปต่างประเทศได้มากขึ้น หลังจากเริ่มโปรโมทบริการนี้ออกไปจนถึงปัจจุบัน มีปริมาณขนส่งพัสดุข้ามพรมแดนเพิ่มขึ้นกว่า10เท่า และยังเป็นช่วงเริ่มต้นของการศึกษาตลาดอยู่ขณะนี้”
BEST Expressเป็นธุรกิจขนส่งพัสดุด่วนที่นำโมเดลและเทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จในประเทศจีนเข้ามายังประเทศไทย ถึงแม้บริษัทแม่จะมาจากประเทศจีน แต่ในประเทศไทยบริษัทมีพนักงาน99%เป็นคนไทย และเป็นธุรกิจแฟรนไชส์100%ที่ดำเนินธุรกิจให้บริการขนส่งพัสดุในแต่ละพื้นที่โดยคนท้องถิ่น ดังนั้นเราจึงอยากพัฒนาจุดเด่นนี้ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น ในอีก3ปีข้างหน้านี้BEST Expressตั้งเป้าจะเป็นผู้นำในเรื่องโลจิสติกส์และซัพพลายเชนในประเทศไทย และไม่หยุดพัฒนาด้านเทคโนโลยีและบริการต่าง ๆ ให้หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในเรื่องคุณภาพและบริการให้ได้มากที่สุด
"ข่าวประชาสัมพันธ์ ทันทุกกระแส" กับ @PRNewsThailand
