ข่าวสุขภาพ - วิคตัส ส่งต่อความห่วงใย มอบเครื่องฆ่าเชื้อโรค Super UVC ให้โรงพยาบาลศิริราช

เมื่อเร็ว ๆ นี้บริษัท วิคตัส เอเธอนั่ม จำกัด(Viktas Aeternum Co., Ltd.)ผู้นำด้านการจำหน่ายและผลิตเครื่องมือแพทย์ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงมานานกว่า20ปีนำโดยคุณพีบงค์ภัค ธนมาประสิทธิ์ผู้อำนวยการและคุณคุณฐวีชัย รตนสิริวิทย์ ผู้จัดการทั่วไปบริษัท วิคตัส เอเธอนั่ม จำกัดได้ส่งมอบหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรคSuper UVCรุ่นApolloจำนวน 2 เครื่อง มูลค่า 5,000,000บาทและในโอกาสเดียวกันยังได้บริจาคหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรครุ่นเดียวกัน จำนวน 3 เครื่อง มูลค่า 7,500,000 บาทซึ่งเป็นเทคโนโลยีสุดล้ำที่พัฒนาขึ้นโดยวิศวกรคนไทย ผลิตในประเทศไทย ภายใต้โรงงานที่ทันสมัยและใช้เทคโนโลยีระดับโลก ให้แก่คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล โดยมีรศ.ดร.นพ.ยงยุทธ ศิริวัฒนอักษร รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราชเป็นผู้รับมอบเพื่อนำไปใช้ฆ่าเชื้อโรคภายในโรงพยาบาลศิริราช ให้สามารถต่อสู้กับวิกฤตโควิด-19ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
หุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรคSuper UVCเป็นเทคโนโลยีUVCสายเลือดไทยสุดล้ำที่พัฒนาขึ้นโดยวิศวกรคนไทย ผลิตในประเทศไทย ในโรงงานอันทันสมัยและใช้เทคโนโลยีระดับโลก ซึ่งจัดจำหน่ายโดยบริษัท วิคตัส เอเธอนั่มจำกัดตอบโจทย์การรับมือกับสถานการณ์โรคระบาดปัจจุบันได้อย่างดี ช่วยให้ทุกธุรกิจและทุกพื้นที่ปลอดเชื้อโรคและเดินหน้าได้อย่างปลอดภัย ด้วยประสิทธิภาพที่ล้ำหน้าของSuper UVCที่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ถึง99.9%ใช้งานง่าย สะดวกไม่ต้องเตรียมห้องหรือย้ายของออก ใช้เวลาฆ่าเชื้อโรคทั้งห้องเพียงแค่ 5-15 นาทีปลอดภัยต่อคน สัตว์ และสิ่งของไม่ทิ้งสารเคมีที่เป็นอันตรายตกค้างหลังการใช้งาน และมีค่าใช้จ่ายต่อครั้งต่ำนอกจากนั้น ยังช่วยลดมลพิษและกลิ่นไม่พึงประสงค์ในอากาศอีกด้วย มีทั้งหมด3รุ่น ได้แก่Apollo, HerculesและSapphireทุกรุ่นได้มาตรฐานการรับรองจากCE Mark, MASCI, ISO9001
ทั้งนี้แสงUVCเป็นรังสีที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติสามารถทำลายDNAและRNAของเชื้อโรคต่างๆ ทำให้แบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อโรคนานาชนิดไม่สามารถเติบโตต่อไปได้โดยมีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่ารังสีUVCเป็นรังสีที่สามารถกำจัดเชื้อโควิด-19ได้ปัจจุบันการฆ่าเชื้อโรคด้วยแสงUVCเป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก รวมถึงประเทศยักษ์ใหญ่ที่สามารถจัดการกับวิกฤตการแพร่ระบาดcovid-19ได้ดีอย่าง ประเทศจีน,สหรัฐอเมริกา,ไต้หวัน,สิงคโปร์และฮ่องกง
"ข่าวประชาสัมพันธ์ ทันทุกกระแส" กับ @PRNewsThailand
