ข่าวการศึกษา - คิวเอส ประกาศผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกตามสาขาวิชา ประจำปี 2565

เผยรายชื่อมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งใน51 สาขาวิชา
คิวเอส ควัคควาเรลลี ซีมอนด์ส (QS Quacquarelli Symonds)สถาบันคลังสมองชั้นนำในแวดวงอุดมศึกษาระดับโลก เปิดเผยผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกตามสาขาวิชา หรือQS World University Rankings by Subjectครั้งที่ 12 โดยเป็นการวิเคราะห์เปรียบเทียบผลงานของหลักสูตรระดับมหาวิทยาลัยจำนวน15,200หลักสูตร จากมหาวิทยาลัย 1,543แห่ง ใน 88ประเทศและดินแดนทั่วโลก ซึ่งครอบคลุม 51สาขาวิชา
การจัดอันดับนี้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกของคิวเอส หรือQS World University Rankingsซึ่งถูกค้นหาข้อมูลกว่า 147 ล้านครั้งในปี 2564 บนเว็บไซต์ TopUniversities.com และถูกกล่าวถึงโดยสื่อและสถาบันต่าง ๆ มากถึง 96,000 ครั้ง
ผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกตามสาขาวิชาของคิวเอส ประจำปี 2565 จำนวนหลักสูตรที่ติด 10 อันดับแรก สหรัฐอเมริกา 239 สหราชอาณาจักร 131 สวิตเซอร์แลนด์ 31 สิงคโปร์ 23 แคนาดา 19 เนเธอร์แลนด์ 15 ออสเตรเลีย 13 เขตบริหารพิเศษฮ่องกง 7 ฝรั่งเศส 6 อิตาลี 6 จีน(แผ่นดินใหญ่) 4ไฮไลท์ทั่วโลก
- มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาติดอันดับหนึ่งมากที่สุดถึง 28สาขาวิชา จากทั้งหมด 51สาขาวิชาที่ได้รับการจัดอันดับ โดยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) และเอ็มไอที (MIT) ยังคงเป็นสถาบันที่ทำผลงานได้แข็งแกร่งที่สุด โดยครองอันดับหนึ่งใน 12สาขาวิชา
- มหาวิทยาลัยของสหราชอาณาจักรติดอันดับหนึ่ง 15 สาขาวิชา โดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (University of Oxford) นำมาด้วยจำนวน 6 สาขาวิชา
- อีทีเอช ซูริก (ETH Zurich) เป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของทวีปยุโรป โดยครองอันดับหนึ่งใน 3 สาขาวิชา นอกจากนี้สวิตเซอร์แลนด์ยังเป็นประเทศที่มีภาคการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ดีที่สุดเป็นอันดับสามของโลก เมื่อพิจารณาจากสัดส่วนใน 10 อันดับแรก
-ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีจำนวนหลักสูตรติดอันดับมากที่สุดเป็นอันดับสี่ของโลก
-จีน(แผ่นดินใหญ่) อยู่ในอันดับห้าของโลกในแง่ของจำนวนหลักสูตร (100) ที่ติด 50 อันดับแรก
- มหาวิทยาลัยโทรอนโต (University of Toronto) ของแคนาดา(46) มีหลักสูตรที่ติด 50 อันดับแรกมากที่สุด
- มหาวิทยาลัยแห่งชาติของสิงคโปร์(National University ofSingapore)เป็นมหาวิทยาลัยที่ทำผลงานดีที่สุดในเอเชีย และเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกสำหรับสาขาวิชาวิศวกรรมปิโตรเลียมนอกจากนั้นยังติดหนึ่งใน 10อันดับแรกถึง 16 สาขาวิชา
- สถาบันอุดมศึกษาของญี่ปุ่นยังคงมีอันดับลดลง หลังนักศึกษาวิจัยและนักศึกษาระดับปริญญาเอกไม่ได้รับทุนสนับสนุนมากเท่าที่ควรเป็นเวลาหลายทศวรรษ
- มหาวิทยาลัยชีลี (Universidad de Chile) ติดอันดับสูงสุดในภูมิภาคลาตินอเมริกาโดยอยู่ที่ 8 ของโลกในสาขาวิชาวิศวกรรม - แร่และเหมืองแร่รองลงมาคือมหาวิทยาลัยอูนาม (UNAM) จากเม็กซิโก ที่อันดับ 13ในสาขาวิชาภาษาสมัยใหม่และมหาวิทยาลัยเซาเปาโล (Universidade de Sao Paulo) ที่ติดอันดับ 15ในสาขาวิชาทันตกรรม
- มหาวิทยาลัยเคปทาวน์ (University of Cape Town) ยังคงเป็นสถาบันที่ทำผลงานดีที่สุดในแอฟริกาโดยติดอันดับ 9ของโลกในสาขาวิชาพัฒนศึกษา
- มหาวิทยาลัยปิโตรเลียมและแร่คิงฟาฮัด (King Fahd University of Petroleum & Minerals) ติดอันดับที่ 6 ของโลก ในสาขาวิศวกรรมปิโตรเลียมซึ่งเป็นการครองอันดับสูงสุดในภูมิภาคอาหรับ
เบน โซวเทอร์ (Ben Sowter) ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของคิวเอส กล่าวว่า "การสังเกตแนวโน้มผลการดำเนินงานของภาควิชาในมหาวิทยาลัยกว่า 15,000 ภาควิชา ทำให้เราได้เห็นว่าปัจจัยใดบ้างที่มีอิทธิพลต่อความสำเร็จ ประการแรกคือ มุมมองระดับสากล ทั้งในแง่ของคณาจารย์และความสัมพันธ์ด้านการวิจัย ซึ่งมีส่วนอย่างมากต่อผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ประการที่สองคือ มหาวิทยาลัยที่มีอันดับสูงขึ้นล้วนได้รับเงินลงทุนเจาะจงจากรัฐบาลมาเป็นเวลากว่าทศวรรษ ประการที่สามคือ การกระชับความร่วมมือกับอุตสาหกรรมมีความสัมพันธ์กับการจ้างงาน การวิจัย และผลลัพธ์ด้านนวัตกรรมที่ดีขึ้น"
ระเบียบวิธีวิจัย
โลโก้-https://mma.prnewswire.com/media/1503777/QS_World_University_Rankings_Logo.jpg
"ข่าวประชาสัมพันธ์ ทันทุกกระแส" กับ @PRNewsThailand
