ข่าวเศรษฐกิจ, การเงิน - บี.กริม โชว์กำไรปี 63 เติบโตพุ่ง 21% สวนกระแสโควิด-19

บี.กริม โชว์กำไรปี63เติบโตพุ่ง21%สวนกระแสโควิด-19ชูกลยุทธ์ผนึกพันธมิตรทุกกลุ่มธุรกิจ รองรับการเติบโตในอนาคต
ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือBGRIMเปิดเผยว่า ผลประกอบการปี2563มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่เติบโตถึง21.1%เป็น2,617ล้านบาท แม้จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ซึ่งส่งผลกระทบไปทั่วโลก โดยเป็นผลจากการขยายกำลังการผลิต162เมกะวัตต์ ส่งผลให้ปริมาณการผลิตไฟฟ้าเติบโต6%เป็น14,451กิกะวัตต์-ชั่วโมง ในปี2563ขณะที่ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมในประเทศไทยมีการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งสู่ระดับที่สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าเป็นเวลา5เดือนติดต่อกัน หรือตั้งแต่กันยายน2563 -มกราคม2564และยังมีการขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง มีการเชื่อมเข้าระบบของลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่15เมกะวัตต์ ในปี2563และคาดว่ามีอีกมากกว่า40เมกะวัตต์ ในปี2564
นอกจากนี้ มีการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มปีของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ในประเทศเวียดนาม และราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลง10.4%จากปีก่อนหน้า เป็น244บาท/ล้านบีทียู โดยประมาณการราคาก๊าซธรรมชาติของ ปตท. คาดการณ์ว่าอยู่ที่225บาท/ล้านบีทียู ในปี2564
ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวว่า นอกจากจากเป้าหมายการขยายกำลังการผลิตสู่7,200เมกะวัตต์ภายในปี2568จากกำลังการผลิตติดตั้งที่3,058เมกะวัตต์ในปัจจุบันแล้ว บี.กริม เพาเวอร์ ยังเดินหน้าสู่อีกขั้นของความสำเร็จ ภายใต้ปรัชญา “การดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี” กว่า143ปี โดยให้ความสำคัญกับความร่วมมือกับพันธมิตรในทุกกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มศักยภาพความร่วมมือในกลุ่ม บี.กริม ซึ่งมีธุรกิจหลากหลาย ทั้งด้านอุตสาหกรรม อาคาร สุขภาพ และดิจิทัล ฯลฯ หรือความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดังที่ในช่วง6เดือนที่ผ่านมามีการประกาศพันธมิตรใหม่ได้แก่ บริษัทยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) (UV)ซึ่งดำเนินธุรกิจลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และบริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด (PEA ENCOM)
เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจด้าน โครงการผลิตไฟฟ้าโดยเอกชนที่ผลิตไฟฟ้าใช้เองหรือจำหน่ายให้ลูกค้าโดยตรง (Independent Power Supply: IPS)ระบบไมโครกริด และระบบสมาร์ทไมโครกริด เป็นต้นในวันที่15ธันวาคม2563บี.กริม เพาเวอร์ ได้สร้างประวัติศาสตร์ การเปิดดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศกัมพูชา ตามกำหนด แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19และอุทกภัยครั้งใหญ่ในประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าแห่งแรกของประเทศไทยที่เปิดดำเนินการภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA)กับการไฟฟ้ากัมพูชา (EDC)ระยะเวลา20ปี และได้รับการค้ำประกันจากรัฐบาลประเทศกัมพูชา
ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวว่า อีกหนึ่งแห่งความภาคภูมิใจในปี2563นอกจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งแล้ว โครงการPhu Yen TTPยังได้ลงนามเงินกู้สีเขียว (green bond)เป็นโครงการแรกในประเทศไทยและภูมิภาคCLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) ที่ได้รับการรับรองจากClimate Bonds Initiativeและ บี.กริม เพาเวอร์ ได้รับการยกย่องในด้านการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน โดยในเดือนธันวาคม2563บี.กริม เพาเวอร์ ได้รับ5รางวัลจาก4องค์กร ได้แก่
1.สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย สำหรับการประเมินโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียน (CGR)ในระดับ “ดีเลิศ” (5ดาว)2.สถาบันไทยพัฒน์ สำหรับการติดอันดับ “รายชื่อESG100ปี2563”เป็นปีที่3ติดต่อกัน และ “รางวัลการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนประจำปี2563” 3.ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำหรับการได้รับคัดเลือกให้อยู่ใน “รายชื่อหุ้นยั่งยืน (THSI)”ติดต่อกันเป็นปีที่3และ4.สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย สำหรับการได้รับ “ผลการประเมิน100คะแนนเต็ม อยู่ในเกณฑ์ ดีเลิศ ในโครงการประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี2563”
สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมบ่อทอง วินด์ฟาร์ม1&2ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง16เมกะวัตต์ ในจังหวัดมุกดาหาร มีความคืบหน้าในการก่อสร้าง80.8%และมีกำหนดการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ ในครึ่งแรกของปี2564และโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเพื่อทดแทน (SPP replacement) 5โครงการ มีความคืบหน้าในการก่อสร้าง9-32 %มีกำหนดการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ ในครึ่งหลังของปี2565
ทั้งนี้ บี.กริม เพาเวอร์ ประกาศจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลัง0.30บาทต่อหุ้น (หลังจากจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว0.15บาทต่อหุ้น) คงอัตราการจ่ายปันผลทั้งปีที่45%ของกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 11มีนาคม2564และวันที่จ่ายปันผล11พฤษภาคม 2564
"ข่าวประชาสัมพันธ์ ทันทุกกระแส" กับ @PRNewsThailand
