ข่าวความงาม - ไปต่อไม่รอโควิด พลิกวิกฤติ สู่ความสำเร็จ สสว.ผนึก ISMED ช่วยเอสเอ็มอีไทยบุกนอก

(กรุงเทพฯ) – สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จับมือ สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) ร่วมกับ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM bank) ดันผู้ประกอบการค้าขายต่างประเทศ เตรียมพร้อมธุรกิจกลับสู่ปกติช่วงปลายปีนี้
แม้ในช่วงนี้ ประเทศต่างๆทั่วโลกจะยังคงเผชิญปัญหาของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด แต่การทยอยฉีดวัคซีนของแต่ละประเทศทั่วโลก ทำให้หลายประเทศ สามารถทยอยเปิดประเทศเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าหลังจากหยุดชะงักกันมานานนับปี ในการนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่มีขนาดธุรกิจไม่เกิน 200 ล้านบาท ได้เปิดตลาดเข้าถึงประเทศต่างๆที่มีศักยภาพในการสั่งซื้อสินค้าจากไทย โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ และสินค้าในกลุ่มแฟชั่นและความงาม
อินเดียเริ่มผ่อนคลาย ทยอยกลับมาเปิดเมืองหลังการแพร่ระบาดลดลง
หลายเมืองสำคัญของอินเดียได้เริ่มผ่อนคลายข้อบังคับ หลังจากตัวเลขการแพร่ระบาดของไวรัสลดลงอย่างต่อเนื่อง
กรุงเดลลี เมืองหลวงของประเทศ และมุมไบ ที่เป็นศูนย์กลางทางการเงิน เป็นส่วนหนึ่งของเมืองสำคัญที่ทยอยผ่อนคลายเป็นส่วนๆ
มีการรายงานว่า ตัวเลขการติดเชื้อเพิ่มเหลือเพียง 101,000 ราย และมีการเสียชีวิต 2,400 คน เมื่อวันจันทร์ ที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากจำนวนผู้ติดเชื้อที่มากถึง 400,000 รายต่อวันในช่วงเดือนก่อน
นาย Arvind Kejriwal มุขยมนตรี (หัวหน้าผู้บริหารประจำรัฐ) กล่าวว่าจะทยอยประกาศข้อกำหนดต่างๆหากพบว่าการแพร่ระบาดมีตัวเลขที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไร ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อการเตรียมพร้อมรับมือ หากมีการแพร่ระบาดระลอกที่สาม
ในส่วนของ The Delhi Metro ระบบขนส่งความเร็วสูงรายใหญ่ที่สุดของอินเดีย ได้เริ่มกลับมาเปิดให้บริการครึ่งหนึ่งของการให้บริการทั้งหมดเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในขณะที่ร้านค้าต่างๆ ก็สลับกันเปิดให้บริการเพื่อไม่ให้มีผู้คนเข้าไปจับจ่ายใช้สอยที่ตลาดหนาแน่นเกินไป ซึ่งรวมไปถึงการให้บริการในห้างสรรพสินค้าด้วย
ในเมืองมุมไบเอง ร้านค้าและร้านอาหารก็ทยอยเปิดให้บริการ แต่ห้างสรรพสินค้าและโรงภาพยนตร์ยังคงปิดให้บริการอยู่ บริการขนส่งสาธารณะอย่างรถไฟ ก็เริ่มให้บริการในแบบจำกัดจำนวนชั่วโมงให้บริการ เช่นกัน
กรุงเดลี เปิดเมืองอีกครั้ง ในท่ามกลางการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว
มีรายงานว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อในการแพร่ระบาดของไวรัส ลดลงเกินกว่าครึ่งหนึ่งจากช่วงที่มีการแพร่ระบาดสูงสุด เมื่อช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา
จากการที่ตัวเลขการติดเชื้อไวรัสรายใหม่ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ประชาชน ได้ออกมาซื้อของในตลาดช่วงเย็น (เพราะอากาศร้อนจัดในช่วงกลางวัน) หรือจับจ่ายใช้สอยในร้านขายของชำ การเคลื่อนไหวนี้ เห็นได้ชัดจากการประกาศตัวเลขที่ลดลงของทางรัฐบาล และหอผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่เริ่มลดความแออัด รวมถึงความตึงเครียดในการจัดหายาและวัสดุทางการแพทย์ ก็เริ่มทำได้ง่ายขึ้น
การคาดการณ์ของ OECD แสดงภาพเชิงบวกต่อเศรษฐกิจของอินเดีย
การแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสและการปิดประเทศในปีก่อน (2563) ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของอินเดียให้เผชิญกับการหดตัวเป็นครั้งแรก ในห้วงหลายสิบปีที่ผ่านมา
แต่จากการนำเสนอตัวเลขทางเศรษฐกิจของ OECD ประจำปี 2021 (OECE’s Economic Outlook 2021) พบว่าเศรษฐกิจของประเทศอินเดียหดตัวลงร้อยละ 7.7 ในปี 2563 ทั้งนี้เป็นผลจากการบริโภคภายในประเทศที่ลดลง แม้ว่าเศรษฐกิจจะตกต่ำในปีที่ผ่านมา (2563) OECD ได้คาดการณ์ไว้ว่าเศรษฐกิจอินเดียจะขยายตัวมากถึงร้อยละ 9.9 และจะกลายเป็นเศรษฐกิจ G20 ที่เติบโตเร็วที่สุด ในปี 2564 นี้
ตัวเลขผู้ป่วยในอินเดียลดลง 800,000 ราย หลังจากผ่านไป 73 วัน
จากข้อมูลอัปเดตล่าสุด เมื่อช่วงค่ำวันที่ 17 มิถุนายน 2564 ประชากรวัยผู้ใหญ่ในอินเดียได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส (dose) แล้ว ในอัตราร้อยละ 23.1 ในจำนวนนี้ ร้อยละ 43.3 เป็นผู้มีอายุเกินกว่า 45 ปี และอีกร้อยละ 46.8 เป็นผู้มีอายุเกินกว่า 60 ปี
ทั้งนี้ อินเดียได้เข้าสู่เฟสที่ 3 ของการรับวัคซีน โดยกำหนดให้ผู้มีอายุเกินกว่า 18 ปี ต้องได้รับวัคซีน มีวัคซีน 3 ชนิดที่ใช้ คือ Covishield, Covaxin และ Sputnik V
ฟิลิปปินส์ถูกเลือกให้เป็นตลาดที่น่าทำธุรกิจ
ฟิลิปปินส์ เป็นประเทศที่คนไทย อาจไม่คุ้นเคยเท่าประเทศในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) เพราะไม่มีพรมแดนอยู่ใกล้ประเทศไทย และฟิลิปปินส์ถูกเลือกให้เป็นตลาดที่น่าทำธุรกิจ สำหรับสินค้าที่มีแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักในเอเชีย ซึ่งพิสูจน์ได้จากการที่มีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพละความงามที่มีชื่อเสียงจำหน่ายอยู่เป็นจำนวนมากในตลาดภายในประเทศ อุตสาหกรรมด้านการแพทย์์ สุขภาพและความงาม เป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศฟิลิปปินส์ ทั้งนี้จากรายงานจากการวิจัยของบริษัทเอกชน พบว่า ยอดขายสินค้าในไตรมาส 3 ของปี 2563 เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2562 สินค้าในกลุ่ม personal care มีการเติบโตของมูลค่าทางการตลาดเพิ่มขึ้น สูงถึงร้อยละ 9.5 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการปิดประเทศ (lockdown) ความต้องการในอุตสาหกรรมนี้ยิ่งมีเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้เพราะคลีนิคดูแลผิวพรรณ ร้านเสรมิ สวย และสปา ต่างก็ถูกสั่งปิด หรืองดให้บริการในช่วงเวลาดังกล่าว คนฟิลิปปินส์จึงต้องหันมาดูแลตัวเองกันมากขึ้น (เพราะไปใช้บริการที่นอกบ้านไม่ได้) สถานการณ์นี้ ได้ทำให้ผู้คนต่างก็หันมาซื้อสินค้าในกลุ่มสุขภาพและผิวพรรณผ่านช่องทางออนไลน์กันมากยิ่งขึ้น
จากผลการวิจัย พบว่าปัจจุบันตลาดของสินค้าเกี่ยวกับความงาม (Beauty) และสุขอนามัยส่วนบุคคล (Personal care) ถูกจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่ายอดจำหน่ายในช่องทางออนไลน์จะโตขึ้น มากถึงร้อยละ 6 ในปี 2024 (หรือ ปี พ.ศ.2567) นอกจากนี้ ในงานวิจัยของ Statista พบว่า ตลาดสินค้า beauty และ personal care จะมีมูลค่าสูงถึง 5,755 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นมูลค่า 172,650 ล้านบาท ในปี 2021 นี้ และเฉพาะตลาด personal care เพียงอย่างเดียว ก็มีมูลค่าสูงถึง 2,670 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือ 80,100 ล้านบาท)
เพื่อเป็นการส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ให้เข้าถึงตลาดที่มีศักยภาพ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้จัดสรรงบประมาณให้สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) เป็นหน่วยร่วมดำเนินการ จัดการจับคู่ธุรกิจในแบบออนไลน์ ที่ได้พบกับคู่ค้าแบบตัวต่อตัวมากกว่า 3 รายและได้พบคู่ค้าผ่านช่องทางออนไลน์จากทั่วโลกอีกไม่ต่ำกว่า 3 ราย เป็นการเปิดโอกาสให้เอสเอ็มอีไทยได้เปิดตลาดต่างประเทศในแบบพร้อมรับมือกับการที่ธุรกิจกลับมา (resume) ในช่วงปลายปี โดยมีกิจกรรม Online Business Matching 2021 ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพและช่องทางการตลาดเชิงลึก ปีงบประมาณ 2564 ที่เป็นกิจกรรมจับคู่ธุรกิจให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเลือกเข้าร่วม ดังนี้
- Thailand-Philippines Online Business Matching 2021
โอกาสส่งออกกลุ่มสินค้าแฟชั่นและความงาม
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัคร https://bit.ly/3cLvx54
- Thailand-India Online Business Matching 2021
โอกาสส่งออกกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ ของขวัญ ของใช้และของตกแต่งบ้าน
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัคร https://bit.ly/35r3FiE
ทั้งนี้ สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) คาดหวังที่จะผลักดันให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยสามารถสร้างยอดขายไม่ต่ำกว่า 180 ล้านบาท ในห้วง 1 ปีข้างหน้า จากการดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้
หมายเหตุ *กรุณาอ่านเงื่อนไขและรายละเอียดในแต่ละกิจกรรมให้ชัดเจน ** ขอสงวนสิทธิ์ให้ 1 กิจการ เข้าร่วมเพียงได้เพียง 1 กิจกรรมเท่านั้น (โดยต้องได้รับการพิจารณาคัดเลือกจากคณะกรรมการก่อน)
? สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: คุณเกด ณิชาภา โทรศัพท์ 092-223-4142 หรือ 02-105-4778 ต่อ 4005
E-mail: nichapha_le@ismed.or.th
แหล่งข้อมูลอ้างอิง (Sources):
https://www.euromonitor.com/beauty-and-personal-care-in-the-philippines/report
https://www.statista.com/forecasts/1215702/philippines-sales-channel-share-beauty-and-personal-care- market#statisticContainer
https://www.globenewswire.com/en/news-release/2020/07/07/2058262/0/en/Philippines-Beauty-Personal-Care- Market-to-Reach-4-7-Billionby-2026-AMR.html
https://www.marketresearch.com/Allied-Market-Research-v4029/Philippines-Skin-Care-Products-Type-13689574/
ประชาสัมพันธ์โดย : PIMDAWAN
วันที่ลงประชาสัมพันธ์ : 21-06-64