ซิชั่น พีอาร์ นิวส์ไวร์ - คาดว่าอัตราการเสียชีวิตของเด็กจะพุ่งขึ้นเป็นครั้งแรกในศตวรรษนี้ Gates Foundation เรียกร้องให้ผู้นำโลกจัดสรรทรัพยากรที่มีจำกัดไปยังจุดที่ช่วยชีวิตผู้คนได้มากที่สุด
รายงาน Goalkeepers ฉบับใหม่สร้างแบบจำลองผลกระทบจากการตัดงบด้านสุขภาพทั่วโลก พร้อมเสนอแผนงานที่ชี้แนวทางการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดและมีประสิทธิผลสูงสุด เพื่อชะลอแนวโน้มถดถอยที่กำลังเกิดขึ้น
ซีแอตเทิล, 4 ธันวาคม 2568 /PRNewswire/ -- จำนวนเด็กที่เสียชีวิตก่อนอายุครบ 5 ปี มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบศตวรรษนี้ ซึ่งถือเป็นการถดถอยของความก้าวหน้าของโลกที่สั่งสมมานานหลายทศวรรษ ตาม ข้อมูลใหม่ ที่เผยแพร่วันนี้ในรายงาน Goalkeepers ประจำปี 2568 ของ Gates Foundation
ในปี 2567 เด็ก 4.6 ล้านคนเสียชีวิตก่อนอายุครบ 5 ปี และจากแบบจำลองในรายงานที่จัดทำโดยสถาบัน Institute for Health Metrics and Evaluation (IHME) คาดว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นกว่า 200,000 ราย ไปสู่ระดับ 4.8 ล้านรายโดยประมาณในปีนี้ ขณะเดียวกัน ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาด้านสุขภาพทั่วโลกก็ลดลงอย่างมากในปีนี้ กล่าวคือ ต่ำกว่าระดับปี 2567 ถึง 26.9% นอกเหนือจากการตัดงบอย่างมหาศาลในปีนี้แล้ว หลายประเทศยังต้องเผชิญภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น ระบบสุขภาพที่เปราะบาง และความเสี่ยงที่จะสูญเสียความสำเร็จที่สร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากเพื่อต่อสู้กับโรคมาลาเรีย การติดเชื้อเอชไอวี และโปลิโอ
ในรายงาน We Can't Stop at Almost เตือนว่าหากการตัดงบด้านสุขภาพทั่วโลกยังคงดำเนินต่อไป อาจมีเด็กเสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 16 ล้านคนภายในปี 2588 รายงานยังเสนอแผนงานที่แสดงให้เห็นว่าการลงทุนแบบกำหนดเป้าเฉพาะจุดในแนวทางที่ผ่านการพิสูจน์แล้วควบคู่กับนวัตกรรมรุ่นอนาคต จะสามารถช่วยชีวิตเด็กได้หลายล้านคน และป้องกันไม่ให้ความก้าวหน้าต้องถดถอยลงท่ามกลางสภาวะที่มีงบประมาณจำกัดเช่นในปัจจุบัน
"ผมปรารถนาให้เราทำได้มากกว่านี้ ด้วยทรัพยากรที่มากกว่านี้ เพราะนั่นคือสิ่งที่เด็กทั่วโลกสมควรได้รับ แต่ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาที่งบประมาณตึงตัว เราก็ยังสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้" Bill Gates ประธานมูลนิธิ Gates Foundation และผู้เขียนรายงานระบุ "ผมจะยังคงเดินหน้าผลักดันต่อไป ไม่ว่าจะที่ไหนหรือในรูปแบบใด เพื่อให้มีการเพิ่มงบประมาณด้านสุขภาพสำหรับเด็กทั่วโลก และเพื่อสร้างประสิทธิภาพที่จะช่วยยกระดับระบบที่เรามีอยู่ปัจจุบัน แต่ในเมื่อมีชีวิตของเด็กนับล้านเป็นเดิมพัน เราจึงต้องทำให้ได้มากขึ้นด้วยทรัพยากรน้อยลงเท่าที่มี และทำตั้งแต่ตอนนี้"
จุดเปลี่ยนสำคัญ
การคาดการณ์โดยสถาบัน IHME ชี้ว่า หากการตัดงบด้านสุขภาพทั่วโลก 20% ยังดำเนินต่อไป จะทำให้มีเด็กเสียชีวิตเพิ่มอีก 12 ล้านคนภายในปี 2588 และหากงบถูกตัดถาวร 30% จำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นสูงถึง 16 ล้านคน
Gates อธิบายว่า ขณะนี้คือช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของระบบสุขภาพทั่วโลก โดยเป็นช่วงเวลาที่การตัดสินใจที่ถูกต้องจะยังสามารถช่วยชีวิตนับล้านได้อยู่
"เราอาจเป็นคนรุ่นที่มีองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมก้าวหน้าล้ำยุคที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ แต่กลับไม่สามารถจัดหางบประมาณเพื่อให้สิ่งนี้สามารถช่วยชีวิตคนได้จริง" Gates ระบุ "แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการกำหนดลำดับความสำคัญที่ถูกต้องเหมาะสม และการลงทุนในแนวทางที่สามารถสร้างผลกระทบได้สูง ผมเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถหยุดยั้งอัตราการเสียชีวิตของเด็กที่กลับสู่ภาวะแย่ลง และช่วยชีวิตเด็กได้อีกหลายล้านคนในปี 2588"
ในรายงานฉบับนี้ Gates ชี้ให้เห็นการลงทุนที่มีศักยภาพสูงสุดในการช่วยชีวิตเด็กเล็กนับล้าน เขาเรียกร้องให้เร่งทุ่มทรัพยากรกับมาตรการที่มีประสิทธิผลที่สุด ไม่ว่าจะเป็นระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคตามปกติ วัคซีนที่มีคุณภาพดียิ่งขึ้น และการใช้ข้อมูลรูปแบบใหม่ เพื่อให้เงินทุกดอลลาร์เกิดประโยชน์สูงสุด ดังตัวอย่างเช่น:
- ด้วยงบไม่ถึง 100 ดอลลาร์ต่อคนต่อปี ระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิที่เข้มแข็งจะสามารถป้องกันการเสียชีวิตของเด็กได้ถึง 90%
- เงินทุก 1 ดอลลาร์ที่ลงทุนในวัคซีน จะให้ผลตอบแทนสูงถึง 54 ดอลลาร์ในเชิงเศรษฐกิจและสังคม ทั้งนี้ ผ่านความร่วมมือกับ Gavi, the Vaccine Alliance มีเด็กกว่า 1.2 พันล้านคนได้รับวัคซีนช่วยชีวิตนับตั้งแต่ปี 2543
นอกจากนี้ ผลงานของกองทุนโลกเพื่อการต่อสู้โรคเอดส์ วัณโรค และมาลาเรีย เป็นหลักฐานชัดเจนว่าการลงทุนอย่างต่อเนื่องสามารถสร้างความสำเร็จได้อย่างแท้จริง ในฐานะหนึ่งในกลไกด้านสุขภาพที่มีประสิทธิภาพที่สุด กองทุนโลกสามารถช่วยชีวิตผู้คนได้แล้วกว่า 70 ล้านคน และลดอัตราการเสียชีวิตจากมาลาเรีย วัณโรค และเชื้อเอชไอวีลงได้มากกว่า 60% นับตั้งแต่ปี 2545 และเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา เหล่าผู้นำทั่วโลกได้ให้คำมั่นสนับสนุนเงินมูลค่า 11.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐแก่การระดมทุนรอบที่แปดของกองทุนโลก ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของประชาคมโลกในการต่อสู้กับโรคเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง พร้อมเผยให้เห็นความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นหากเราถอยหลังหรือหยุดดำเนินการ
ตามที่ Gates ระบุไว้ การลงทุนในการพัฒนานวัตกรรมยุคถัดไปอาจทำให้เราสามารถยุติภัยคุกคามบางส่วนที่คร่าชีวิตเด็กมากที่สุด เช่น มาลาเรียและปอดบวม ได้อย่างถาวร แบบจำลองในรายงานฉบับนี้คาดการณ์ว่า หากมีการจัดสรรงบประมาณอย่างต่อเนื่องให้กับนวัตกรรมเหล่านี้ ก็อาจช่วยชีวิตเด็กได้อีกหลายล้านคนภายในปี 2588
- วัคซีนยุคถัดไปสำหรับเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) และโรคปอดบวม อาจช่วยชีวิตเด็กได้ถึง 3.4 ล้านคน
- เครื่องมือเพื่อรับมือโรคมาลาเรียรูปแบบใหม่อาจช่วยชีวิตเด็กได้อีก 5.7 ล้านคน ขณะที่เครื่องมือป้องกันเชื้อเอชไอวีแบบออกฤทธิ์ยาว เช่น lenacapavir ก็อาจช่วยลดจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตลงจนเข้าใกล้ศูนย์ในประเทศที่มีภาระโรคสูงได้
พลังจากผู้นำท้องถิ่นและการลงมือในระดับโลก รายงานฉบับนี้ยังนำเสนอบทความที่สะท้อนมุมมองจากประสบการณ์ตรงของผู้นำ บุคลากรสาธารณสุข และนักวิจัยในแอฟริกาและเอเชีย ผู้กำลังผลักดันแนวทางแก้ปัญหาเพื่อให้ความก้าวหน้าด้านสุขภาพดำเนินต่อไปอย่างยั่งยืน:
- ในไนจีเรีย Muhammad Inuwa Yahaya ผู้ว่าการรัฐกอมเบ (Gombe) ให้ความสำคัญกับระบบสาธารณสุขขั้นปฐมภูมิและการศึกษาให้ความรู้เป็นหลัก แม้กำลังเผชิญภาวะขาดดุลงบประมาณ "คุณไม่จำเป็นต้องมีทุกอย่างพร้อมสมบูรณ์เพื่อสร้างความก้าวหน้า สิ่งที่ต้องมีคือความชัดเจนและความกล้าหาญที่จะยืนหยัดเดินหน้าต่อไป"
- ในเคนยา Josephine Barasa เจ้าหน้าที่สาธารณสุขชุมชน ยังคงอุทิศตนทำงานอาสาในชุมชนของเธอแม้จะสูญเสียตำแหน่งงานที่มีค่าตอบแทน เพื่อให้การดูแลและความรู้แก่แม่และเด็กต่อไป "พวกเขาอาจเอาเงินไปจากฉันได้ แต่ว่าเอาตัวฉันไปจากกลุ่มผู้หญิงของฉันไม่ได้… ระบบที่ให้การช่วยเหลือสนับสนุนอาจหายไป แต่ความจำเป็นยังคงอยู่ เช่นเดียวกับตัวฉัน"
- ในยูกันดา Krystal Mwesiga Birungi นักกีฏวิทยา กำลังพัฒนาเครื่องมือรุ่นใหม่เพื่อต่อสู้กับโรคมาลาเรีย "การยุติโรคมาลาเรียไม่ใช่แค่เป็นไปได้ แต่ยังเป็นเรื่องเร่งด่วนด้วย" เธอกล่าว "พวกเรานักวิจัยชาวแอฟริกาตระหนักดีถึงเรื่องนี้ และเรากำลังเป็นผู้นำเพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จนี้"
- ในอินเดีย ดร. Naveen Thacker กุมารแพทย์ เน้นย้ำถึงความสำคัญของวัคซีนในราคาที่เอื้อมถึงและเข้าถึงได้ง่าย "หากเราต้องการเห็นเด็กที่มีสุขภาพดีมากขึ้น สิ่งสำคัญคือวัคซีนต้องมีราคาเหมาะสมที่ประชาชนเข้าถึงได้"
Gates เรียกร้องให้รัฐบาล องค์กรการกุศล และประชาชนทั่วไปลงมือปฏิบัติตามข้อค้นพบในรายงาน ด้วยการปกป้องหรือเพิ่มงบด้านสุขภาพ เพิ่มการบริจาคเพื่อการกุศล และย้ำเตือนเหล่าผู้นำว่าทุกชีวิตของเด็กบนโลกนี้มีคุณค่าและสมควรได้รับโอกาสอยู่รอดและเติบโต ไม่ว่าพวกเขาจะเกิดที่ไหน
"เราไม่อาจหยุดอยู่เพียงแค่ 'เกือบสำเร็จ'" Gates เขียน "หากเราทำมากขึ้นได้ด้วยทรัพยากรน้อยลงที่มีอยู่ในตอนนี้ และกลับไปสร้างโลกที่มีทรัพยากรมากขึ้นเพื่อทุ่มเทดูแลสุขภาพเด็กได้แล้ว ในอีก 20 ปีข้างหน้า เราก็จะสามารถเล่าเรื่องราวที่แตกต่างออกไป เพื่อบอกเล่าวิธีที่เราช่วยให้เด็กจำนวนมากขึ้นรอดชีวิตได้ทั้งในช่วงคลอด และเติบโตผ่านช่วงวัยเด็กมาได้อย่างปลอดภัย"
สามารถอ่านรายงาน Goalkeepers ปี 2568 ได้ที่: https://www.gatesfoundation.org/goalkeepers/report/2025-report/
เกี่ยวกับ Gates Foundation
Gates Foundation ดำเนินงานโดยยึดมั่นในความเชื่อที่ว่าทุกชีวิตล้วนมีคุณค่าเท่าเทียมกัน เพื่อช่วยให้ทุกคนมีชีวิตที่แข็งแรงสุขภาพดีและมีผลิตภาพ โดยเราทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อสร้างแนวทางแก้ไขที่สร้างผลกระทบในประเทศกำลังพัฒนา เพื่อให้ผู้คนสามารถกำหนดอนาคตของตนเอง และบรรลุศักยภาพสูงสุดของตนได้ นอกจากนี้ ในสหรัฐอเมริกา เรายังมุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นใจว่าทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีทรัพยากรน้อยที่สุด จะสามารถเข้าถึงโอกาสที่จำเป็นเพื่อประสบความสำเร็จทั้งด้านการศึกษาและการใช้ชีวิต มูลนิธิมีสำนักงานใหญ่ในซีแอตเทิล วอชิงตัน นำโดยซีอีโอ Mark Suzman ภายใต้การกำกับดูแลของ Bill Gates และคณะกรรมการบริหารของเรา
เกี่ยวกับ Goalkeepers
Goalkeepers คือแคมเปญของมูลนิธิ Gates Foundation ที่จัดทำขึ้นเพื่อเร่งความก้าวหน้าในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals หรือ Global Goals) โดยการถ่ายทอดเรื่องราวและข้อมูลเบื้องหลังเป้าหมายเหล่านี้ผ่านรายงานประจำปี ทางมูลนิธิมุ่งหวังที่จะจุดประกายแรงบันดาลใจให้กับกลุ่มผู้นำรุ่นใหม่ ในฐานะ Goalkeepers หรือผู้พิทักษ์เป้าหมายที่ช่วยสร้างการรับรู้ถึงความก้าวหน้า ตรวจสอบการทำงานของผู้นำ และขับเคลื่อนให้เกิดการลงมือปฏิบัติเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
เกี่ยวกับ Global Goals
เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2558 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติในกรุงนิวยอร์ก ผู้นำโลก 193 ประเทศ ต่างให้คำมั่นร่วมกันในการบรรลุ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Global Goals) 17 ข้อ ซึ่งเป็นชุดของวัตถุประสงค์และเป้าหมายอันทะเยอทะยานที่มุ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่สามประการภายในปี 2573 ได้แก่ การยุติความยากจน ต่อสู้กับความเหลื่อมล้ำและอยุติธรรม และแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สื่อมวลชนกรุณาติดต่อ: media@gatesfoundation.org
ชุดข้อมูลสำหรับสื่อ: https://www.gatesfoundation.org/ideas/media-center/gk-2025-press-kit
ลิงก์รายงาน: https://www.gatesfoundation.org/goalkeepers/report/2025-report/


ภาษาไทย
English
