เซี่ยงไฮ้, 15 พ.ย. 2568 /PRNewswire/ -- เมื่อไม่นานมานี้ MAXHUB ผู้ให้บริการโซลูชันที่ได้รับความไว้วางใจในด้านจอแสดงผลเชิงพาณิชย์และ UC แบบครบวงจร ได้รับการคัดเลือกให้เป็น "แบรนด์เรือธง" ในการจัดอันดับ Go-International Series Selection 30 & 30 ประจำปี 2568 ของ Forbes โดยรางวัล "แบรนด์เรือธง" ของ Forbes เป็นการเชิดชูองค์กรที่แสดงให้เห็นความพร้อมในการดำเนินงานอันเป็นเลิศ วิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ที่ก้าวไกล และศักยภาพทางการแข่งขันในตลาดโลก การที่ MAXHUB ได้รับเกียรตินี้เป็นปีที่สองติดต่อกัน ได้เข้ามาตอกย้ำความสำเร็จของกลยุทธ์การขยายธุรกิจไปทั่วโลก ที่ให้ความสำคัญกับการปรับให้เข้ากับตลาดท้องถิ่นอย่างลึกซึ้ง จนได้รับการยอมรับและความไว้วางใจอย่างสูงจากนานาประเทศ

ปัจจัยขับเคลื่อน MAXHUB สู่การเป็นผู้นำตลาด

การเติบโตของ MAXHUB ในระดับโลกนั้น ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ที่เน้นการปรับให้เข้ากับท้องถิ่นอย่างลึกซึ้ง และการพัฒนาระบบนิเวศความร่วมมือ ซึ่งทั้งสองเสาหลักนี้ถือเป็นแรงผลักดันที่ทำให้บริษัทฯ ยังคงขยายตัวได้อย่างรวดเร็วต่อเนื่อง

ปรับให้เข้ากับท้องถิ่นอย่างลึกซึ้ง สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน: MAXHUB ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การสร้างเครือข่ายการขายทั่วโลกเท่านั้น แต่ยังเปิดทางให้ทีมงานท้องถิ่นใน 22 ประเทศทั่วโลก ทำหน้าที่เป็นกลไกขับเคลื่อนนวัตกรรมที่มีความเข้าใจและสามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะเจาะจงในแต่ละภูมิภาคได้อย่างทันท่วงที โดยกรณีศึกษาของ Forbes ชี้ให้เห็นแนวทางอันยืดหยุ่นของ MAXHUB ในการบุกตลาดอเมริกาเหนือ บริษัทฯ ได้นำโมเดลการขยายธุรกิจแบบจากชนบทสู่เมืองมาใช้สร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านบริการท้องถิ่นที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และกำหนดให้มีพันธกิจด้านบริการที่เหนือกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรม แนวทางดังกล่าวนี้ส่งผลให้ MAXHUB ได้รับการแนะนำจากลูกค้ามากมายในตลาดรอง ซึ่งในท้ายที่สุดได้เปิดทางไปสู่การเติบโตอย่างมั่นคงในพื้นที่เมืองใหญ่ ๆ ทั่วประเทศ

สร้างระบบนิเวศร่วมกับผู้นำระดับโลก: MAXHUB ผนึกกำลังกับผู้นำในอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิด อาทิ Microsoft และ Intel เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านนวัตกรรมและศักยภาพในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ความร่วมมือเหล่านี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าโซลูชันของบริษัทฯ จะสามารถผสานรวมเข้ากับระบบการทำงานของลูกค้าทั่วโลกได้อย่างราบรื่นไร้รอยต่อ โดยผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมอย่างหนึ่งจากแนวทางนี้คือ XBoard V7 ซึ่งเป็นจอแสดงผลแบบอินเทอร์แอคทีฟพร้อมกล้อง 3 ตัวรุ่นแรกของโลกที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสำหรับ Microsoft Teams Rooms และขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ Windows 11 IoT ซึ่งคว้ารางวัล "Best of Show" จากเวที ISE 2025 มาครองได้สำเร็จ

ส่งมอบผลลัพธ์ทางธุรกิจที่วัดผลได้จริง: แนวทางเชิงกลยุทธ์นี้ก่อให้เกิดความก้าวหน้าที่จับต้องได้ ปัจจุบัน MAXHUB ให้บริการลูกค้าในกว่า 140 ประเทศและภูมิภาค และในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้จากต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการตอกย้ำบทบาทของบริษัทฯ ในการเป็นรากฐานอันแข็งแกร่งของแผนขยายธุรกิจในระดับโลก

ก้าวสู่มิติใหม่แห่ง "คุณค่าที่ไม่จำกัดด้วยขนาด"

การได้รับการยกย่องจาก Forbes ในครั้งนี้ ยังสะท้อนให้เห็นกระแสการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ระดับโลกของหลาย ๆ องค์กร ที่หันมาให้ความสำคัญกับการสร้างคุณค่า ด้วยนวัตกรรม ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ และความเป็นเลิศทางเทคโนโลยี มากกว่ามุ่งเน้นที่ขนาดการดำเนินงานที่ใหญ่โตเพียงอย่างเดียว

สำหรับทิศทางในอนาคต MAXHUB จะยังคงยึดมั่นในการใช้นวัตกรรมเป็นกลไกขับเคลื่อน โดยจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินงานแบบครบวงจรทั่วโลก ตั้งแต่ขั้นตอนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการบริการลูกค้า บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะช่วยให้องค์กรทั่วโลกทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลให้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว