ซิชั่น พีอาร์ นิวส์ไวร์ - CeraVe และ L'Oréal Groupe คว้ารางวัลวิจัยประยุกต์ IFSCC อันทรงเกียรติจากการศึกษาล้ำหน้าด้านรังแค
![]() |
ข้อค้นพบใหม่เผยปัจจัยกระตุ้นจุลินทรีย์ที่สำคัญ การเปลี่ยนแปลงตามลักษณะชาติพันธุ์ และเส้นทางใหม่สำหรับการดูแลหนังศีรษะเฉพาะบุคคล
นิวยอร์ก, 30 ก.ย. 2568 /PRNewswire/ -- ในวันนี้ CeraVe และ L'Oréal Groupe ได้ประกาศว่าการศึกษาร่วมเกี่ยวกับชีววิทยาหนังศีรษะได้รับรางวัลวิจัยประยุกต์ (Applied Research Award) จากการประชุมสหพันธ์สมาคมนักเคมีเครื่องสำอางนานาชาติ (International Federation of Societies of Cosmetic Chemists: IFSCC) ครั้งที่ 35 ถือเป็นการยกย่องความล้ำหน้าในการทำความเข้าใจรังแคและการพัฒนาวิทยาศาสตร์ด้านเกราะป้องกันหนังศีรษะให้ก้าวหน้า
"การได้รับรางวัลวิจัยประยุกต์จาก IFSCC ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ความมุ่งมั่นร่วมกันของเราในการพัฒนานวัตกรรมวิทยาศาสตร์และความเข้าใจชีววิทยาที่ซับซ้อนของสุขภาพผิวและเกราะป้องกันหนังศีรษะ" Gene Colón รองประธานอาวุโสฝ่ายการแพทย์และการสื่อสารของ CeraVe ที่ L'Oréal กล่าว "งานวิจัยที่พลิกวงการนี้ก้าวข้ามมุมมองเดิมเกี่ยวกับรังแคมามุ่งเน้นบทบาทของการขาดเซราไมด์และภาวะเกราะป้องกันหนังศีรษะทำงานผิดปกติ องค์ประกอบสำคัญของแบคทีเรีย และผลกระทบของลักษณะทางชาติพันธุ์ งานวิจัยนี้ได้ขยายความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ของเราอย่างมีนัยสำคัญ โดยหยั่งรากลึกอยู่ในวิทยาศาสตร์เซราไมด์พื้นฐาน และนำเสนอมุมมองและความเป็นไปได้ใหม่ ๆ สำหรับนวัตกรรมในอนาคต"
งานวิจัยที่ได้รับรางวัลฉบับนี้เป็นการศึกษาหนังศีรษะครั้งแรกในประเภทดังกล่าว โดยได้เปรียบเทียบระหว่างหนังศีรษะที่ได้รับผลกระทบจากรังแคกับหนังศีรษะที่มีสุขภาพดี โดยประเมินอาการทางคลินิก โปรไฟล์เซราไมด์ องค์ประกอบของไมโครไบโอม และตัวบ่งชี้การอักเสบ เพื่อให้ได้ภาพรวมของพยาธิสรีรวิทยาของรังแคที่ครอบคลุมที่สุดเท่าที่เคยมีมา นักวิจัยจาก L'Oréal ได้ประเมินผู้เข้าร่วมกว่า 200 คนจากหลากหลายเชื้อชาติและชาติพันธุ์
"รางวัลนี้สะท้อนความเป็นผู้นำของทีมวิจัยและนวัตกรรมของ L'Oréal ด้านนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ และพันธกิจในการบุกเบิกวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับผิวหนัง เส้นผม และหนังศีรษะอย่างต่อเนื่อง" Qian Zheng ปร.ด. รองประธานอาวุโสฝ่ายวิจัยขั้นสูงประจำอเมริกาเหนือ และหัวหน้าฝ่ายความงามฟื้นฟูระดับโลกของ L'Oréal Groupe กล่าว "ทีมงานของเรากำลังตะลุยแนวทางใหม่ ๆ ในการดูแลหนังศีรษะด้วยการผนวกงานวิจัยไมโครไบโอมเข้ากับชีววิทยาเกราะป้องกันหนังศีรษะผ่านมุมมองที่ครอบคลุม โดยนำข้อมูลเชิงลึกทางชีวภาพที่ลึกซึ้งมาประยุกต์เป็นโซลูชันที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพสำหรับผู้บริโภคทั่วโลก"
ที่สำคัญคือการศึกษาครั้งใหม่ที่ยังไม่เคยตีพิมพ์นี้เป็นการต่อยอดจากงานวิจัยไมโครไบโอมครั้งก่อนหน้า ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Drugs in Dermatology พร้อมกับขยายขอบเขตการศึกษาอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่งานวิจัยก่อนหน้าได้ศึกษาลักษณะเฉพาะของไมโครไบโอมบนหนังศีรษะในประชากรโลก แต่การศึกษาที่ได้รับรางวัลจาก IFSCC กลับก้าวไปไกลกว่านั้น โดยให้การวิเคราะห์เชิงลึกยิ่งขึ้นด้วยการตรวจสอบความแตกต่างระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ และเป็นครั้งแรกที่มีการสำรวจลักษณะการทำงานของไมโครไบโอม มิติใหม่เหล่านี้เมื่อรวมกับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเป้าหมายของจุลินทรีย์นอกเหนือจาก Malassezia (เชื้อราที่พบตามธรรมชาติบนหนังศีรษะซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับรังแคมานาน) และความเชื่อมโยงกับการอักเสบ ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่ในการทำความเข้าใจชีววิทยารังแค ข้อค้นพบที่สำคัญประกอบด้วย:
- เชื้อแบคทีเรียที่เป็นตัวการสำคัญ ได้แก่ Staphylococcus aureus (S. aureus) และ Staphylococcus capitis (S. capitis) ซึ่งเป็นแบคทีเรียสองชนิดที่พบได้ทั่วไปบนผิวหนัง โดยพบมากกว่าในรังแคตลอดกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ อย่างคงที่
- ความเชื่อมโยงกับ S. aureus อย่างชัดเจน: พบการมี S. aureus อยู่มากมีความสัมพันธ์เชิงบวกที่สำคัญกับการปรากฏและความรุนแรงของรังแค
- ปัจจัยก่อโรค: หนังศีรษะที่เป็นรังแคมีระดับยีนปัจจัยก่อโรค (VF) สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มละติน/ฮิสแปนิกและอเมริกันเชื้อสายเอเชีย โดย VF จำนวนมากเคยมีความเกี่ยวโยงกับการก่อโรคของ S. aureus มาก่อน
- การรักษาเฉพาะบุคคล: เป็นการศึกษาวิจัยครั้งแรกที่อธิบายลักษณะการทำงานของไมโครไบโอมหนังศีรษะที่เป็นรังแคในกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ซึ่งเน้นย้ำความจำเป็นในการใช้แนวทางการรักษาแบบเฉพาะบุคคลที่หลากหลาย
- การเปลี่ยนแปลงตามลักษณะทางชาติพันธุ์: ระดับ Malassezia สูงขึ้นในรังแคในกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งหมด ยกเว้นชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย และพบ Malassezia globosa เป็นจำนวนมากในหนังศีรษะที่แข็งแรงในทุกประชากร ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพหนังศีรษะที่พบมากที่สุด
งานประชุม IFSCC จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีและได้รับการยกย่องว่าเป็นงานระดับโลกที่ทรงเกียรติที่สุดในสาขาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง โดยเป็นการรวมตัวผู้มีส่วนได้ส่วนเสียชั้นนำเพื่อนำเสนอความก้าวหน้าล้ำยุคทางวิทยาศาสตร์
เกี่ยวกับ CeraVe
CeraVe ก่อตั้งขึ้นในปี 2548 ด้วยพันธกิจส่งมอบผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเพื่อการบำบัดสำหรับทุกคน CeraVe สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาร่วมกับแพทย์ผิวหนังเพื่อฟื้นฟูและรักษาเกราะป้องกันตามธรรมชาติของผิว ทุกสูตรของ CeraVe อุดมไปด้วยเซราไมด์สามชนิดที่มีคุณสมบัติเหมือนผิว (เซราไมด์ 1, 3 และ 6-II) โดยผลิตภัณฑ์บางรายการใช้เทคโนโลยี MVE เพื่อควบคุมความชุ่มชื้นอย่างยาวนาน CeraVe เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอันดับ 1 ที่แพทย์ผิวหนังในสหรัฐอเมริกาแนะนำ1 และได้รับการแนะนำจากแพทย์ผิวหนังกว่า 90,000 คนทั่วโลก2 ปัจจุบันมีวางจำหน่ายในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมแบรนด์ได้ทาง Facebook (@ceraveusa), Instagram (@cerave), TikTok (@cerave), X (@cerave) หรือเยี่ยมชม www.cerave.com
1IQVIA, แบบสำรวจ ProVoice, ข้อมูลแบบต่อเนื่อง 12 เดือน ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2568
2การสำรวจที่ดำเนินการในตลาดเวชสำอางที่ดำเนินการโดย APLUSA และพันธมิตรอื่น ๆ ระหว่างเดือนมกราคม 2568 ถึงพฤษภาคม 2568 โดยมีแพทย์ผิวหนังใน 29 ประเทศเข้าร่วม
เกี่ยวกับ L'Oréal
ตลอด 115 ปีที่ L'Oréal ผู้นำด้านความงามระดับโลกมุ่งมั่นทุ่มเทให้กับสิ่งเดียวเท่านั้น นั่นคือการเติมเต็มความปรารถนาด้านความงามของผู้บริโภคทั่วโลก จุดมุ่งหมายของเราคือการสร้างสรรค์ความงามที่ขับเคลื่อนโลก นิยามแนวทางความงามของเราว่าเป็นสิ่งจำเป็น เท่าเทียม มีจริยธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และมุ่งมั่นสู่ความยั่งยืนทั้งทางสังคมและสิ่งแวดล้อม ด้วยพอร์ตโฟลิโอแบรนด์ระดับสากล 37 แบรนด์ และความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนในโครงการ L'Oréal for the Future เรามอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับทุกคนทั่วโลก ทั้งในด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ความจริงใจ และความรับผิดชอบ พร้อมกับยกย่องความงามในความหลากหลายอันไร้ขอบเขต
ด้วยพนักงานที่ทุ่มเทกว่า 90,000 คน ฐานการดำเนินงานทางภูมิศาสตร์ที่สมดุล และยอดขายครอบคลุมทุกเครือข่ายการจัดจำหน่าย (อีคอมเมิร์ซ ตลาดมวลชน ห้างสรรพสินค้า ร้านขายยา ร้านน้ำหอม ร้านทำผม ร้านค้าปลีกแบรนด์เนม และร้านค้าในสนามบิน) ในปี 2567 กลุ่มบริษัทมียอดขาย 43.48 พันล้านยูโร ด้วยศูนย์วิจัย 21 แห่งใน 13 ประเทศทั่วโลก และทีมวิจัยและนวัตกรรมเฉพาะทางที่มีนักวิทยาศาสตร์กว่า 4,000 คน และผู้มีความสามารถด้านดิจิทัลกว่า 8,000 คน L'Oréal มุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์อนาคตแห่งความงามและก้าวขึ้นเป็นผู้ทรงอิทธิพลด้าน Beauty Tech (เทคโนโลยีด้านความงาม)
ในปี 2568 L'Oréal Groupe ได้รับการขนานนามให้เป็นบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดในยุโรปโดยนิตยสาร Fortune จากบริษัททั้งหมด 300 แห่งในการจัดอันดับ 21 ประเทศและ 16 อุตสาหกรรมในยุโรป
รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.loreal.com/en/mediaroom
ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ:
CeraVe: Christine Alkhawam – christine.alkhawam@loreal.com
Coyne PR: cerave@coynepr.com
โลโก้ - https://mma.prnasia.com/media2/2783504/CeraVe_Logo.jpg?p=medium600