ซิชั่น พีอาร์ นิวส์ไวร์ - TERREPOWER ขึ้นแท่นผู้นำระดับโลกด้านการผลิตอย่างยั่งยืน พร้อมลุยตลาดหลังการขายรถยนต์และอุตสาหกรรมมูลค่าหลายพันล้านที่ยังคงโตแรง
![]() |
แดฟนี, แอละแบมา, 4 สิงหาคม 2568 /PRNewswire/ -- TERREPOWER หรือเดิมชื่อ BBB Industries ผู้นำระดับโลกในตลาดหลังการขายด้านการผลิตอย่างยั่งยืน ยังคงเดินหน้าเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำและนวัตกรรมโซลูชันเพื่อตลาดอะไหล่รถยนต์และอุตสาหกรรม โดยในปี 2567 นั้น บริษัทฯ ผลิตชิ้นส่วนที่ผ่านการปรับสภาพให้ใกล้เคียงของใหม่ได้ถึง 17 ล้านชิ้นจากทั้งหมด 20 ล้านชิ้น ทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 160,000 เมตริกตัน ด้วยรูปแบบธุรกิจที่เป็นกลางทางคาร์บอน ทำให้ TERREPOWER ก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตที่ยั่งยืนรายใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อวัดจากปริมาณการผลิต
"แม้การปรับสภาพแบบเดิม ๆ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของชิ้นส่วนยานยนต์และอุตสาหกรรม แต่กระบวนการผลิตอย่างยั่งยืนของ TERREPOWER ยังให้ความสำคัญกับการจัดหาวัตถุดิบอย่างมีความรับผิดชอบ จัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการใช้พลังงานและอนุรักษ์ทรัพยากรอย่างเป็นระบบ เพื่อให้รักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างแท้จริง" Duncan Gillis ซีอีโอของ TERREPOWER กล่าว "ความสำเร็จของเราสะท้อนให้เห็นทั้งคุณค่าที่ยอดเยี่ยมของผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ใช้งาน และยังรวมถึงประโยชน์ในการจัดหาวัตถุดิบอย่างชาญฉลาด ซึ่งช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ท่ามกลางความไม่แน่นอนของตลาดและปัญหาซัพพลายเชน"
กระบวนการผลิตอย่างยั่งยืนในสเกลใหญ่ของ TERREPOWER ไม่ได้มีแค่ข้อดีด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังตอบโจทย์ลูกค้าในเชิงกลยุทธ์ เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานจะต่อเนื่อง มีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และช่วยลดความเสี่ยงในสภาพเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนได้ นอกจากนี้ ในยุคที่ธุรกิจกำลังเปลี่ยนจากการผลิตในต่างประเทศที่ห่างไกล (far-shoring) ไปเป็นการผลิตในประเทศใกล้เคียง (near-shoring) และในประเทศ (on-shoring) ซึ่งได้รับอิทธิพลจากข้อตกลงทางการค้าและภาษีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทุกวันนี้ การผลิตอย่างยั่งยืนโดยใช้ชิ้นส่วนหลักและมีฐานการผลิตใกล้กับลูกค้าจึงเป็นสิ่งที่ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นไปอีก
TERREPOWER มีฐานการดำเนินงานที่แข็งแกร่งทั่วโลก โดยมีผลิตภัณฑ์วางขายใน 90 ประเทศ และมีบุคลากรที่ทุ่มเททำงานมากกว่า 10,000 รายทั่วโลก ปัจจุบันบริษัทฯ กำลังขยายธุรกิจเชิงรุกเพื่อตอบสนองความต้องการผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ผลิตอย่างยั่งยืนและกำลังเป็นที่ต้องการมากขึ้น นอกจากนี้ การแต่งตั้งคุณ Michael Boe เป็นประธานหน่วยธุรกิจในยุโรป ซึ่งประจำอยู่ที่เมืองซุก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถือเป็นเครื่องยืนยันว่าบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพในตลาดสำคัญทั่วโลก ควบคู่ไปกับการรักษานโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน
"ความมุ่งมั่นของ TERREPOWER ทั้งด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน บวกกับกลยุทธ์การเติบโตในระดับโลก ทำให้โอกาสนี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง" Michael Boe ประธานหน่วยธุรกิจยุโรปของ TERREPOWER กล่าว
ความยั่งยืนที่เป็นแก่นแท้
บริษัทฯ ก่อตั้งขึ้นในปี 2530 ในชื่อ BBB Industries โดยได้เติบโตจากธุรกิจครอบครัวด้านการผลิตซ้ำในทางตอนใต้ของอเมริกา สู่การเป็นธุรกิจหมุนเวียนระดับโลกที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ทั้งหมดนี้เป็นผลจากวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ที่ชัดเจน โดยเมื่อต้นปีนี้ บริษัทฯ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น TERREPOWER เพื่อแสดงความมุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งในด้านนวัตกรรมและการสร้างอนาคตที่ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า ชื่อ "Terre" มาจากภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า "โลก" สื่อถึงความทุ่มเทในการอนุรักษ์ทรัพยากรอันมีค่า ส่วนคำว่า "Power" สะท้อนถึงพลังของข้อเสนอที่บริษัทฯ มอบให้ลูกค้า
หัวใจสำคัญในข้อเสนอจาก TERREPOWER คือการส่งมอบอะไหล่ทดแทนคุณภาพสูงที่ผลิตอย่างยั่งยืน ซึ่งมีมาตรฐานเทียบเท่าหรือดีกว่าชิ้นส่วนจากผู้รับจ้างผลิต (OEM) แต่มีต้นทุนที่คุ้มค่ากว่ามาก ด้วยกระบวนการผลิตซ้ำที่พิถีพิถัน ทำให้ชิ้นส่วนที่ใช้แล้วหรือสึกหรอสามารถกลับมาอยู่ในสภาพเหมือนใหม่ได้ แนวทางนี้ช่วยแก้ปัญหาความย้อนแย้งระหว่างคุณภาพระดับ OE กับต้นทุนได้อย่างยอดเยี่ยม โดยมอบความคุ้มค่าสูงสุดให้ลูกค้าจากการนำชิ้นส่วน "หลัก" กลับมาใช้ใหม่โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสกัดวัตถุดิบใหม่ หรือสร้างคาร์บอนฟุตพริ้นท์จำนวนมหาศาลจากการผลิตชิ้นส่วนใหม่ทั้งหมด
ความสำเร็จของ TERREPOWER ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระดับโลก ที่หลาย ๆ อุตสาหกรรมกำลังเปลี่ยนจากโมเดล "ถลุง-ผลิต-ทิ้ง" แบบเดิม ๆ ไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน โดยมีแรงผลักดันจากการที่ผู้คนใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น กฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น และความต้องการที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานพร้อมลดต้นทุน ข้อดีด้านการเงินเหล่านี้ผนวกกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ดึงดูดใจผู้ซื้อที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่กำลังขับเคลื่อนความต้องการในตลาดให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และวงจรเชิงบวกนี้เองที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมากขึ้น จึงเป็นการเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของตลาดโดยรวม
การเติบโตของบริษัทฯ และอุตสาหกรรมหลังการขายในระดับโลก
การผลิตซ้ำ (Remanufacturing) ถือเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมอะไหล่หลังการขายโดยรวม โดยข้อมูลล่าสุดจาก Auto Care Factbook ของ Auto Care Association พบว่าในปี 2567 ยอดขายอะไหล่รถยนต์งานเบาในสหรัฐฯ เติบโตขึ้น 5.7% มีมูลค่าสูงถึง 4.137 แสนล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.35 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2568 ขณะที่ตลาดอะไหล่หลังการขายยานยนต์โดยรวม (รวมรถยนต์งานเบา รถยนต์ขนาดกลาง และรถยนต์งานหนัก) คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าทะลุหลัก 6.64 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2571 การเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้ แม้จะเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจอย่างภาวะเงินเฟ้อ ก็แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของอุตสาหกรรมนี้ รวมถึงแนวโน้มที่ผู้บริโภคจะใช้งานรถยนต์ที่มีอายุมากขึ้น โดยปัจจุบันอายุเฉลี่ยของรถยนต์บนท้องถนนอยู่ที่กว่า 12.8 ปี
การผลิตซ้ำไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในภาคยานยนต์เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมหลากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นอากาศยาน ยานยนต์ สินค้าอุปโภคบริโภค ไปจนถึงอุปกรณ์งานหนัก เทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบหัวรถจักร และอีกมากมาย ตามข้อมูลของ Remanufacturing Industries Council อุตสาหกรรมนี้กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดทั่วโลก โดยมีปัจจัยสำคัญหลายอย่างที่ขับเคลื่อนการเติบโต ทั้งจากการที่การผลิตซ้ำเป็นที่ยอมรับมากขึ้น ผลกระทบของภาวะเงินเฟ้อที่ทำให้ผู้บริโภคมองหาทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า อายุการใช้งานของอุปกรณ์ที่ยาวนานขึ้น จำนวนช่างบริการแบบดั้งเดิมที่ลดลง ความซับซ้อนทางเทคนิคของชิ้นส่วนสมัยใหม่ กฎระเบียบระดับโลกที่เน้นความหมุนเวียนและความยั่งยืน การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการลดการปล่อยคาร์บอน นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการเติบโต เช่น การที่ผู้บริโภคต้องการรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ขณะที่ชิ้นส่วนคุณภาพสูงและคุ้มค่ากว่าชิ้นส่วนใหม่ก็เป็นที่ต้องการอย่างมากในกลุ่มผู้ประกอบการ ส่วนแนวโน้มย่อยที่คาดว่าจะเข้ามากำหนดทิศทางอนาคตของวงการผลิตซ้ำ คือการเปลี่ยนผ่านสู่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นทั้งความท้าทายสำหรับธุรกิจผลิตซ้ำชิ้นส่วนรถยนต์แบบเดิม ๆ และเปิดโอกาสใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการผลิตซ้ำแบตเตอรี่
ความคุ้มค่าและบทบาทสำคัญในการสร้างความยืดหยุ่นให้ซัพพลายเชน ทำให้อะไหล่ผลิตซ้ำกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งในเชิงเศรษฐกิจเมื่อเทียบกับชิ้นส่วนใหม่ ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ชัดเจนและดึงดูดใจผู้ซื้อและผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจได้อย่างมาก TERREPOWER จึงเป็นแหล่งผลิตชิ้นส่วนสำคัญที่เชื่อถือได้ คุ้มค่า และมีฐานการผลิตที่ใกล้กับลูกค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ แนวทางที่เป็นนวัตกรรมของบริษัทฯ ได้สร้างข้อพิสูจน์ทางธุรกิจที่ชัดเจนว่าการผลิตอย่างยั่งยืนสามารถทำกำไรได้ และความสำเร็จของบริษัทฯ ก็แสดงให้เห็นว่าการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจนั้นไม่ใช่สิ่งที่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่สามารถส่งเสริมซึ่งกันและกันได้
เมื่อพิจารณาจากผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภทที่ได้ประโยชน์จากการผลิตอย่างยั่งยืน รวมถึงโอกาสในยุโรปและตลาดอื่น ๆ ทั่วโลกแล้ว ทำให้แนวโน้มการเติบโตของ TERREPOWER ยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง TERREPOWER มีความมุ่งมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงในการสร้างคุณค่าระยะยาวให้กับลูกค้าผ่านนวัตกรรม จึงเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับภาคยานยนต์และอุตสาหกรรมให้เติบโตไปทั่วโลก
เกี่ยวกับ TERREPOWER
TERREPOWER เดิมชื่อ BBB Industries คือผู้ผลิตที่ยั่งยืนรายใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อวัดจากปริมาณการผลิต TERREPOWER ก่อตั้งขึ้นในปี 2530 โดยมีรากฐานจากนวัตกรรม และเป็นผู้นำระดับโลกในตลาดอะไหล่หลังการขายโดยเฉพาะ ซึ่งเชี่ยวชาญในการส่งมอบชิ้นส่วนคุณภาพสูงให้กับตลาดรถยนต์และอุตสาหกรรม TERREPOWER มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองแดฟนี รัฐแอละแบมา มีพนักงานผู้ทุ่มเทกว่า 10,000 คนทั่วโลก และมีฐานการดำเนินงานที่กว้างขวางครอบคลุมทั่วอเมริกาเหนือและยุโรป โดยมีโรงงานผลิตที่ยั่งยืน 19 แห่ง, ศูนย์กระจายสินค้า 14 แห่ง และมีถึง 28 แบรนด์ที่วางขายในกว่า 90 ประเทศ TERREPOWER มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความยืดหยุ่นของซัพพลายเชน ลดของเสีย และขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.terrepower.com
โลโก้ - https://mma.prnasia.com/media2/2337976/TERREPOWER_Logo.jpg?p=medium600